เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล และอีกหนึ่งกิจกรรมของครอบครัวที่น่าสนใจในช่วงปีใหม่สำหรับคนที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด การพาครอบครัวออกไปสำรวจทั่วกรุ่งกับกิจกรรม ไหว้พระ 9 วัดนั้นก็เป็นที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวนะ!
1. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
2. วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร
3. วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร
4. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
5. ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร
6. ศาลเจ้าพ่อเสือ
7. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
8. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง)
9. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร

1. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หนึ่งในวัดเก่าแก่สมัย ร.3 วัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี สามารถเดินทางได้ทั้งทางบกและทางเรือ และยังสามารถซื้อตั๋วเรือต่อไปเพิ่มเติมจากที่วัดกัลยาณมิตรฯต่อไปยังวัดอรุณราชวรารามและวัดระฆังต่อไปได้อีกด้วย!
สำหรับวัดกัลยาณมิตวรมหาวิหารนั้น สร้างขึ้นถวายโดยหมู่ชาวจีนจึงมีหลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายกเป็นพระประธาน ที่ชาวจีนศรัทธากันเป็นอย่างมาก และยังมีหอระฆังที่เพิ่งสร้างใหม่ และเก็บระฆังยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย รวมไปถึงวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารนั้น เป็นวัดที่มีศิลปะผสมผสานกันของความเป็นไทยและจีนสูงมาก จึงต้องเริ่มแวะจากวัดนี้เป็นที่แรกเลย

2. วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร
หากให้พูดถึงความงามของริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพ ภาพที่เห็นกันบ่อยที่สุดจะต้องเป็นพระปรางค์ขนาดใหญ่ในฉากของพระอาทิตย์ตกดินอันสวยงาม วัดอรุณราชวรารามนั้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
วัดอรุณราชวรารามนั้น มีความโดดเด่นทั้งในด้านศิลปะที่รวมทั้ง ไทย จีน ฮินดู และด้วยงดงามพระปรางค์ โดดเด่นเป็นสง่า ประดับด้วยชิ้นกระเบื้องเคลือบสีต่างๆ อย่างงดงามและประณีต ทำให้เป็นที่นิยมในการมาเยี่ยมเยือนเป็นอย่างมาก สำหรับการเดินทางมานั้นถ้าพาครอบครัวมาด้วยทางเรือจะพบว่าสามารถรับชมความงดงามได้ดีกว่าทางอื่นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาเช้าและเวลาเย็น

3. วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร
วัดโบราณสมัยอยุธยา มีความสำคัญมาโดยตลอดโดยเฉพาะเคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) นับเป็นพระเกจิเถราจารย์ผู้มีปฏิปทาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส เป็นที่เคารพนับถือทั่วไปมาตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่
ภายในวัดระฆังนั้นมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม ทั้งหอพระไตรปิฏกที่ในอดีตเคยเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของรัชกาลที่ 1 อีกทั้งพระอุโบสถที่เป็นที่ประดิษฐานของ “พระประธานยิ้มรับฟ้า” พระประธานของวัดระฆัง เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ 4 ศอกเศษ การเดินทางมาได้ทั้งทางบกและทางเรือ และหากจะไปเที่ยวต่อ การนั่งเรือข้ามฝั่งไปยังท่าช้างเพื่อเที่ยวต่อฝั่งนครต่อก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย

4. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือในชื่อที่คุ้นเคยกันว่า วัดพระแก้ว เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง ปางสมาธิ องค์พระแกะสลักจากเนื้อหยกสีเขียวทึบชิ้นเดียว ที่อัญเชิญจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ มาเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของเรา
ภายในพระอุโบสถของวัด และระเบียงรอบวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสวยงามมากเรื่องรามเกียรติ์ สิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ภายในวัด ได้แก่ พระปรางค์ 8 องค์ พระศรีรัตนเจดีย์ ปราสาทนครวัดจำลอง ปราสาทพระเทพบิดร ฯลฯ และนอกจากนี้ยังสามารถเดินต่อไปภายในเพื่อรับชมความงามของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทได้อีกด้วย

5. ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นศาลที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ตามธรรมเนียมพิธีพราหมณ์ว่า ก่อนที่จะสร้างเมืองจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองในที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้น
โดยศาลหลักเมืองนั้นจะตั้งอยู่ ใกล้ๆ กับ กระทรวงกลาโหมและวัดพระแก้ว เดินทางสะดวกเพราะเป็นจุดที่สามารถเดินต่อไปเที่ยวชมสถานที่อื่นๆได้อีกด้วย จะเลือกนั่งรถสามล้อให้พาไปส่งหรือถ้าอากาศดีๆก็ลองจูงมือกันเดินชมความงามของฝั่งพระนครก็ดีนะ

6. ศาลเจ้าพ่อเสือ
แวะมาทางเสาชิงช้ากันบ้าน พบกับศาลเจ้าพ่อเสือหรือ ศาลเจ้าพ่อเสือ พระนคร และในอีกชื่อที่ชาวไทยเชื้อสายจีนเรียกกัน ศาลตั่วเหล่าเอี้ย เป็นศาลเจ้าจีนเก่าแก่ที่มีความเชื่ออย่างกล้าแกร่งว่า ถ้าใครมีปัญหาเรื่องธุรกิจ การงานและเงินทอง ต้องมาไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าพ่อเสือแห่งนี้
และอีกเรื่องที่ขึ้นชื่อก็คือการแก้ ปีชง ทั้งชงตรงและชงร่วม ก็ต้องเช็คว่าชงกับอะไรต้องมาไหว้แก้ชงกันที่ศาลต่างๆเพื่อเป็นสิริมงคลนั่นเอง นอกจากนี้ในรอบบริเวณของศาลเจ้าพ่อเสือนั้นเป็นย่านชุมชนชาวจีนเก่า ดังนั้นจึงมีร้านรวงต่างๆที่เป็นชื่อดังเจ้าเก่ามากมาย ต้องไม่พลาดแวะมาเดินที่นี่!

7. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
ห่างจากศาลเจ้าพ่อเสือไม่มากก็จะเป็นที่ตั้งของเสาชิงช้า และวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดเก่าแก่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็น 1 ใน 6 อารามหลวงชั้นเอก เป็นที่ประดิษฐานของพระศรีศากยมุนี(หลวงพ่อโต)ที่อัญเชิญจากพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ถือว่าเป็นองค์พระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบหล่อสำริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย
รูปสถาปัตยกรรมที่มีการผสมผสานกันของยุคสมัย ภาพจิตรกรรมฝาผนังสวยงามโดยเฉพาะ “เปรตวัดสุทัศน์” ซึ่งเป็นภาพเปรตตนนึงกำลังนอนพาดกายและมีพระสงฆ์กำลังยืนพิจารณาสังขารอยู่ รวมไปถึง พระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ทำให้ที่นี่นั้นเป็นวัดที่มีความโดดเด่นและสำคัญเป็นอย่างมาก

8. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง)
เจดีทองรูปแบบอยุธยาสูงสง่ากลางกรุง เป็นภาพที่สวยงามเมื่อได้พบเห็นนี้นั้นอยู่ที่ วัดสระเกศราชวรมหาวิหารหรือภูเขาทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระบรมบรรพตหรือ “สุวรรณบรรพต”นั้น มีความสูงถึง 77 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์
อีกจุดเด่นสำคัญอีกเรื่องก็ต้องเป็นที่มาของชื่อ “แร้ง”วัดสระเกศ ต้องย้อนกลับไปใน พ.ศ. 2363 ได้เกิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาดหนักมากๆในบ้านเรา และในสมัยนั้นยังไม่มีทางรักษาได้ ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และโรคนี้ก็เวียนมาหลายรอบมากจนให้มีการจัดตั้งจุดเผาศพ 3 จุด วัดสระเกศเป็นจุดที่มีศพต้องเผามากที่สุดในแต่ละวัน จึงทำให้หลายๆวันเผาศพไม่ทันและฝูงแร้งทั้งหลายจึงมาอยู่ที่จุดนี้มากที่สุดตามไปด้วยจนทำให้เกิดคำเรียกว่า แร้งวัดสระเกดไป

9. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร อยู่ถนนจักรพงษ์ ใกล้ถนนข้าวสาร บางลำพู แขวงชนะสงคราม เป็นวัดเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ”วัดกลางนา” เนื่องจากมีทุ่งนาล้อมรอบ และหลังจากนั้น ซึ่งรัชกาลที่ 1 ได้พระราชทานนามวัดให้ใหม่ว่า ” วัดชนะสงคราม” ภายหลัง
วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรมหาวิหาร มีพระประธานในพระอุโบสถ มีนามว่า “พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ มเหทธิศักดิ์ ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดา อนาวรญาณ” หรือชาวบ้านเรียกขานว่า “หลวงพ่อปู่” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย โดยรอบพระประธานมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย 15 องค์ ซึ่งตัวพระอุโบสถ นั้นก็มีความงดงามในด้านศิลปะ เช่น หน้าบันแกะสลักเป็นภาพพระนารายณ์ทรงครุฑ ประดับฉัตร 5 ชั้น ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มเรือนแก้วปูนปั้นเป็นลายกนกประดับด้วยกระจกสีต่างๆเป็นต้น
วัดนั้นในบ้านเราถือเป็นสถานที่ที่ผูกพันธ์กับเราตั้งแต่สมัยอดีต สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมต้อง 9 วัดนั้น พระราชสิทธิโสภณ พระสังฆาธิการ เจ้าอาวาสวัดตูม อยุธยา กล่าวถึงเรื่องความเชื่อนี้ว่า เพราะเลข 9 คือ เลขมงคล การไหว้พระให้ได้ 9 วัดในวันเดียวเป็นมงคล เป็นความตั้งใจ เป็นบารมี ทำอะไรก็จะสำเร็จ ขณะที่การเลือกวัดเพื่อไปทำบุญอยู่ที่ศรัทธา จะเลือกพระอารามหลวง หรือวัดที่มีประวัติศาสตร์ล้วนแล้วแต่เสริมสร้างสิริมงคลชีวิตทั้งสิ้นนั่นเอง