หากพูดถึงเกาะรัตนโกสินทร์แล้ว ก็นับว่าเป็นบริเวณที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มรดกทางวัฒนธรรมหลายอย่างก็หลงเหลือมาให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงปัจจุบัน “วัด” ก็เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมด้วยเช่นกัน แต่ละวัดในเกาะรัตนโกสินทร์ก็ล้วนมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่แตกต่างกันไป
ครั้งนี้เราจะพามาแนะนำวัดในเกาะรัตนโกสินทร์ ที่น่าเที่ยวและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจกัน ว่าแต่จะวัดไหนที่น่าสนใจกันบ้าง เชิญเข้ามารับชมกันได้เลยจ้า
ลิสต์วัดในเกาะรัตนโกสินทร์
- วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
- วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
- วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร
- วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
- วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
- วัดราชนัดดารามวรวิหาร (โลหะปราสาท)
- วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร
- วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร
- วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
- วัดราชบุรณราชวรวิหาร (วัดเลียบ)
- วัดเทพธิดารามวรวิหาร
- วัดมหรรณพารามวรวิหาร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
เป็นวัดที่รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดในพระบรมมหาราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ในสมัยอยุธยา และยังเป็นวันที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกตที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างช้านาน ภายในวัดได้รับการออกแบบด้วยงานสถาปัตยกรรมและศิลปะอย่างประณีตและสวยงาม ทำให้วัดพระแก้วแห่งนี้ กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ต้องไปของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
เป็นวัดเก่าแก่ที่รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้เล่าเรียนปริยัติธรรม และยังเป็นวัดประจำรัชกาลของในหลวงรัชกาลที่ 1 ด้วย เมื่อเข้าสมัยรัชกาลที่ 3 ท่านโปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณะวัดโพธิ์ใหม่ โดยนำตำราวิชาการต่าง ๆ มาจารึกไว้โดยรอบ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษากัน ซึ่งถือได้เลยว่าวัดโพธิ์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทยเลย นอกจากนี้งานศิลปะที่สำคัญภายในวัดโพธิ์ ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลยก็คือ พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปนอนขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นมาได้อย่างประณีตมาก ๆ
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร
แต่เดิมเคยมีชื่อว่า “วัดสลัก” และไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้างอย่างชัดเจน แต่มีการสันนิษฐานว่าวัดนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทโปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ และทรงสถาปนาวัดนี้ขึ้นเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ โดยใช้ชื่อว่า “วัดนิพพานนานาม” ต่อมาก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดพระศรีสรรเพชญ์” เมื่อกรมพระราชวังบวรฯ เสด็จสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 1 ทรงเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ว่า “วัดมหาธาตุ” ส่วนคำว่า “ยุวราชรังสฤษดิ์” นั้น มีการเพิ่มมาในภายหลังในสมัยรัชกาลที่ 5
สิ่งสำคัญสำหรับวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์แห่งนี้ จะประกอบไปด้วยพระมณฑป พระอุโบสถ พระวิหาร พระปรางค์และพระเจดีย์ราย พระวิหารโพธิลังกา พระบวรราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และตำหนักสมเด็จพระสังฆราช
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมีจุดประสงค์ให้เป็นวัดวัดธรรมยุต และเพื่อให้เป็นไปตามโบราณประเพณีว่าในราชธานีต้องมีวัดสำคัญ 3 วัด (นั่นคือวัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐาน) แม้ว่าวัดแห่งนี้จะมีพื้นที่เพียงเล็กน้อย แต่ภายในก็มีปูชนียวัตถุ ปูชนียสถานมากมาย เช่น พระวิหารหลวง พระปาสาณเจดีย์ ปราสาทพระไตรปิฏก ปรางค์ขอม นอกจากนี้ ภายในพระวิหารหลวงก็ยังมีงานจิตรกรรมชิ้นสำคัญที่วาดภาพเหตุการณ์ของสุริยุปราคา ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 4 ด้วย
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 8 โดยวัดแห่งนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้น แต่มาสร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยในหลวงรัชกาลที่ 3 ในวัดสุทัศน์ไม่มีเจดีย์เหมือนวัดอื่น ๆ เพราะมีสัตตมหาสถานเป็น อุเทสิกเจดีย์ (หรือก็คือต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนา 7 ชนิด) แทนที่ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับวัดแห่งเลยก็คือ พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต) ที่เป็นพระประธานของวัด และบานประตูพระวิหาร ซึ่งเป็นงานศิลปกรรมชั้นเยี่ยมทางด้านการแกะสลักในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
วัดราชนัดดารามวรวิหาร (โลหะปราสาท)
เป็นวัดที่สร้างขึ้นในปลายรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 3 ซึ่งในสมัยนั้น ท่านได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโลหะปราสาทแทนการสร้างเจดีย์ ซึ่งถือว่าเป็นโลหะปราสาทแห่งแรกของไทย โดยสร้างเป็นอาคาร 7 ชั้น มียอดปราสาท 37 ยอด ซึ่งหมายถึงโพธิปักขิยธรรมในพระพุทธศาสนา 37 ประการ ยอดปราสาทชั้น 7 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กลางปราสาทเป็นช่องกลวง และมีบันไดเวียน 67 ขั้นให้เดินขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ด้วย
วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร
เป็นวัดที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพโปรดให้สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 3 มีการใช้งานสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปสำคัญอยู่ 2 องค์เป็นพระประธาน คือ พระพุทธสุวรรณเขต (หลวงพ่อโต) และพระพุทธชินสีห์ นอกเหนือจากนี้ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ให้ชมอีกมากมาย เช่น เจดีย์กลมขนาดใหญ่ วิหารเก๋งจีน จิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง เป็นต้น
วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร
เดิมเป็นวัดเก่าที่อยู่มาตั้งสมัยอยุธยา มีชื่อว่าวัดกลางนา ต่อมาในสมัยในหลวงรัชกาลที่ 1 มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างให้คล้ายคลึงกับกรุงศรีอยุธยาให้มากที่สุด ดังนั้น ตัววัดจึงได้มีการปฏิสังขรณ์ใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดตองปุ เพื่อเทิดเกียรติทหารชาวรามัญในกองทัพของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการสู้รบในศึกสงครามเก้าทัพ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทก็ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดตองปุ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น วัดชนะสงคราม เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงมีชัยชนะต่อพม่าในการรบทั้ง 3 ครั้ง
ภายในวัดชนะสงคราม มีพระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ เป็นพระประธานประจำพระอุโบสถ โดยพระประธานองค์นี้มีความพิเศษตรงที่ ภายในพระพุทธรูปมีฉลองพระองค์ลายยันต์ของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท และเสื้อผ้ายันต์ของเหล่านายทัพนายกองทหารของพระองค์เมื่อคราวมีชัยในสงคราม ท่านโปรดเกล้าฯ ให้ช่างปั้นเอาปูนพอกไว้ด้วย นั่นจึงทำให้พระประธานองค์นี้มีขนาดใหญ่กว่าเดิมก่อนการปฏิสังขรณ์
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 โดยได้มีการโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีเสมาขนาดใหญ่ทำเป็นเสาศิลาสลักรูปเสมาธรรมจักรอยู่บนเสา อยู่ที่กำแพงวัดทั้ง 8 ทิศ หลังสร้างวัดเสร็จ ได้มีการอัญเชิญพระพุทธนิรันตรายมาประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ ภายในวัดมีงานศิลปกรรมที่สำคัญ คือ บานประตูและหน้าต่างของพระอุโบสถที่มีลายไทยลงรักประดับมุกเป็นรูปดวงตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่าง ๆ
วัดราชบุรณราชวรวิหาร (วัดเลียบ)
เป็นวัดเก่าแก่ที่คนรู้จักกันในนามว่า “วัดเลียบ” ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายโดยพ่อค้าชาวจีน และเป็นหนึ่งในวัดที่ตามธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ว่าในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำเมือง ในช่วงสงครามมหาเอเซียบูรพา สถานที่ต่าง ๆ ภายในวัดได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดอย่างหนัก ภายหลังจึงได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ขึ้นตามที่ได้เห็นในปัจจุบัน
งานสถาปัตยกรรมที่สำคัญของวัดแห่งนี้ ประกอบด้วยพระปรางค์องค์ใหญ่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ประดับกระเบื้องสี พระอุโบสถสร้างใหม่ทรงจตุรมุขสูงใหญ่ ยกพื้นสูง มีซุ้มเสมา ซึ่งเป็นศิลปะในรัชกาลที่ 9 นั่นเอง
วัดเทพธิดารามวรวิหาร
เป็นวัดที่ในหลวงรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชทานแก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระราชธิดาองค์ใหญ่ในรัชกาลที่ 3 ลักษณะของสถาปัตยกรรมของวัดเทพธิดารามวรวิหารนั้น จะได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะจีน เนื่องจากในช่วงนั้นมีการติดต่อค้าขายกับจีน จึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมของประเทศจีนมาด้วย นอกจากนี้ วัดนี้ยังเคยเป็นที่พำนักของสุนทรภู่ ซึ่งเป็นกวีเอกของไทย เมื่อคราวบวชเป็นพระภิกษุ ปัจจุบัน ยังมีกุฏิหลังหนึ่ง ชื่อว่า “กุฎิสุนทรภู่” เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย
วัดมหรรณพารามวรวิหาร
เป็นวัดที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยกรมหมื่นอุดมรัตนราษี ซึ่งเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 แสะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลที่ 4 งานสถาปัตยกรรมของวัดมหรรณพารามวรวิหารนั้น มีทั้งแบบไทยและแบบที่ได้รับอิทธิพลจากจีน มีพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนามว่า พระร่วงทองคำ ประดิษฐานอยู่
สำหรับวัดในเกาะรัตนโกสินทร์ที่เรานำมาแนะนำกันในครั้งนี้ หวังว่าจะมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดประทับใจ และได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ครั้งหน้าเราจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจมาแนะนำกันอีก โปรดติดตามได้ที่เว็บไซด์ Fun D แห่งนี้ได้เลยจ้า